กรณีคล้ายกับที่เกิดกับพวกเราอยู่ตอนนี้ อยากให้ทุกคนลองอ่านดูครับ ถ้าขี้เกียจอ่านขอแค่อ่านเฉพาะที่เน้นสีแดงก็ได้ครับ ที่ยกมาหมดเพราะไม่อยากตัดตอนข่าว เดี๋ยวจะมีคนว่าผมบิดเบือนเนื้อหา
ลูกบ้านเฮ!ศาลสั่ง"อารียา"ชดใช้รายละ3แสนกรณี ตัวอย่างวงการอสังหาฯ ศาลแพ่ง (แผนกคดีผู้บริโภค) พิพากษาให้ "อารียา พรอพเพอร์ตี้" ชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกบ้าน "อารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา" 34 ราย รายละ 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยเหตุผิดสัญญาเปลี่ยนผังพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมหรูเป็นคอนโดฯ ด้าน "อารียา" ยันทำถูกต้องตามกฎหมายพร้อมยื่นอุทธรณ์สู้
คดี ฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของผู้บริโภค ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอย่างต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 811 ราย ในจำนวนนี้เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบ้านจัดสรรสูงที่สุด 360 ราย อย่างไรก็ตามกรณีการฟ้องร้องที่ลูกบ้านจำนวนหนึ่งในโครงการ "อารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา" ยื่นฟ้อง บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการ ซึ่งล่าสุดศาลมีคำพิพากษาให้ลูกบ้านชนะคดี ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างให้ความสนใจ
ผู้ สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า วันที่ 11 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา
ศาลแพ่ง (แผนกคดีผู้บริโภค) ได้มีคำพิพากษาให้ผู้ซื้อบ้านในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม (รัชดา-สุทธิสาร) 34 ราย ชนะคดีฟ้องร้องฐานบริษัททำผิดสัญญา และให้บริษัทอารียาฯชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ซื้อบ้านเป็นเงินรายละ 3 แสนบาท ส่วนการดำเนินโครงการยังกระทำต่อไปได้
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 เมื่อผู้ซื้อบ้านโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 48 ราย ได้ร่วมกันเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง บมจ.อารียาฯ ต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย หมายเลขคดีดำที่ ผบ.1612/2551 และหมายเลขคดีแพ่งที่ ผบ.1798/2553 โดยก่อนหน้านี้ บมจ.อารียาฯได้เปิดขายทาวน์โฮมในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา ราคาเฉลี่ย 5-7 ล้านบาท/ยูนิต บนที่ดิน 2 แปลงในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้แก่ 1.ที่ดินแปลงด้านหลังโฉนดที่ดินเลขที่ 138468 เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ใบอนุญาตจัดสรรเลขที่ 47/2549 จำนวน 96 ยูนิต และ 2.ที่ดินแปลงด้านหน้า โฉนดที่ดินเลขที่ 2557 เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเลขที่ 43/2549 จำนวน 33 ยูนิต ซึ่งที่ดินทั้ง 2 แปลงมีทางเข้า-ออกทางเดียวกัน
ต่อ มาภายหลังได้นำที่ดินแปลงด้านหน้ามาพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) สูง 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น รวม 3 อาคาร จำนวน 485 ยูนิต ภายใต้แบรนด์ "เอ สเปซ เพลย์" รัชดา-สุทธิสาร ทำให้ผู้ซื้อบ้านในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา เห็นว่า บมจ.อารียา พร็อพเพอร์ตี้ ทำผิดสัญญา ประสบปัญหาความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม จากที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมหรูราคาขายหลายล้าน บาท มาเป็นอาคารชุดพักอาศัยผู้ซื้อบ้านให้เหตุผลว่า การปรับรูปแบบการพัฒนาจะมีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจร สิ่งแวดล้อม ขยะ และคุณภาพชีวิตตามมา ขณะที่บริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์การขายบ้านโดยระบุในโบรชัวร์ว่า โครงการดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยที่ดี มีความสะดวกสบาย อยู่ในชุมชนที่ไม่แออัด เพราะมีจำนวนบ้านบนที่ดินทั้ง 2 แปลงรวมกันเพียงแค่ 133 ยูนิตเท่านั้นทั้งนี้ผู้ซื้อบ้านโซนด้านหลังที่เปิดขายก่อน ไม่เคยได้รับแจ้งจาก บมจ.อารียาฯ มาก่อนเลยว่า จะนำที่ดินแปลงด้านหน้าไปพัฒนาเป็นคอนโดฯขาย เพิ่งมารู้ภายหลัง ขณะเดียวกันที่ดินแปลงด้านในตามใบอนุญาตจัดสรร เจ้าของโครงการระบุว่าทางเข้า-ออกอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่ช่วงที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก่อนเปิดขายกลับแจ้งกับผู้ซื้อว่า ทางเข้า-ออกเป็นทางร่วมติดกับที่ดินแปลงที่จะก่อสร้างทาวน์โฮมแล้วปรับ เปลี่ยนมาเป็นคอนโดฯ ผู้ซื้อจึงตัดสินใจซื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เดิมมีผู้ยื่นฟ้อง บมจ.อารียาฯ จำนวน 48 ราย แต่ภายหลังได้ขอถอนฟ้อง 3 ราย และศาลยกฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ 11 ราย ทำให้เหลือผู้ร่วมฟ้องเพียง 34 ราย โดยเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทรายละ 400,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19,200,000 บาท
ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้โจทก์ทั้ง 34 รายชนะคดี ให้ บมจ.อารียาฯชดใช้ค่าเสียหายรายละ 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง คือวันที่ 19 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้บริษัทจ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ รายละ 5,000 บาท ส่วนของการก่อสร้างคอนโดฯ ศาลพิพากษาให้ดำเนินการได้ต่อไป แม้โจทก์จะขอให้มีคำสั่งให้หยุดก่อสร้าง
นายตรีชาติ อินทรคำ ทนายความซึ่งเป็นผู้ว่าความในคดีนี้ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ผู้บริโภคมีสิทธิ์ได้รับความเป็นธรรม และเป็นการปรามเจ้าของโครงการรายอื่น ๆ ไม่ให้โฆษณาขายโครงการเกินจริง เชื่อว่ายังมีผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าของโครงการ อีกมาก แต่ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร สำหรับคดีนี้หลังศาลมีคำพิพากษาให้ลูกค้าบ้านชนะคดีแล้ว ขณะนี้มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 50 ราย เตรียมที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อเจ้าของโครงการเช่นเดียวกัน
ด้าน นายวิศิษฏ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการผู้จัดการ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายของผู้อยู่อาศัยในโครง การทาวน์โฮมที่อยู่หลังคอนโดฯ เอ สเปซ ย่านสุทธิสาร ที่ไม่พอใจบริษัทจากที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมมา เป็นคอนโดฯ ทั้ง ๆ ที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาถือเป็นสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายที่สามารถ ดำเนินการได้ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินแปลงเดียวกันกับที่มีผู้ร้องเรียน และได้ยื่นขอจัดสรรอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามล่าสุดมีผู้ร่วมฟ้องร้องบางรายสมัครใจถอนฟ้องแล้ว 14 ราย
"ตอน เปิดขาย บริษัทได้แจ้งให้กับผู้ซื้อแล้วว่าที่ดินแปลงด้านหน้าที่อยู่ติดกัน เราจะพัฒนาเป็นโครงการในอนาคต แต่ตอนหลังได้เปลี่ยนรูปแบบมาขึ้นคอนโดฯ ซึ่งสามารถทำได้เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอยู่แล้ว อีกทั้งใบอนุญาตจัดสรรก็เป็นคนละฉบับ"
นายวิศิษฏ์กล่าวด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นแม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี แต่บริษัทคงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อไป เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด นอกจากนี้ในส่วนของการขายโครงการเอ สเปซ ยังคงเดินหน้าก่อสร้างและเปิดขายต่อไปตามปกติ โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60%
ที่มา
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0103080753§ionid=0201&day=2010-07-08