NEOPARK CLUB
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.


NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK NEO PARK
 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ

Go down 
4 posters
ผู้ตั้งข้อความ
sweety
เพื่อนบ้านคนสนิท
เพื่อนบ้านคนสนิท



จำนวนข้อความ : 30
Join date : 11/08/2010

อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ   อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Icon_minitimeTue Oct 12, 2010 11:38 pm

กรณีคล้ายกับที่เกิดกับพวกเราอยู่ตอนนี้ อยากให้ทุกคนลองอ่านดูครับ ถ้าขี้เกียจอ่านขอแค่อ่านเฉพาะที่เน้นสีแดงก็ได้ครับ ที่ยกมาหมดเพราะไม่อยากตัดตอนข่าว เดี๋ยวจะมีคนว่าผมบิดเบือนเนื้อหา

ลูกบ้านเฮ!ศาลสั่ง"อารียา"ชดใช้รายละ3แสน

กรณี ตัวอย่างวงการอสังหาฯ ศาลแพ่ง (แผนกคดีผู้บริโภค) พิพากษาให้ "อารียา พรอพเพอร์ตี้" ชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกบ้าน "อารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา" 34 ราย รายละ 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยเหตุผิดสัญญาเปลี่ยนผังพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมหรูเป็นคอนโดฯ ด้าน "อารียา" ยันทำถูกต้องตามกฎหมายพร้อมยื่นอุทธรณ์สู้


คดี ฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของผู้บริโภค ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอย่างต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 811 ราย ในจำนวนนี้เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบ้านจัดสรรสูงที่สุด 360 ราย อย่างไรก็ตามกรณีการฟ้องร้องที่ลูกบ้านจำนวนหนึ่งในโครงการ "อารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา" ยื่นฟ้อง บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการ ซึ่งล่าสุดศาลมีคำพิพากษาให้ลูกบ้านชนะคดี ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างให้ความสนใจ

ผู้ สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า วันที่ 11 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ศาลแพ่ง (แผนกคดีผู้บริโภค) ได้มีคำพิพากษาให้ผู้ซื้อบ้านในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม (รัชดา-สุทธิสาร) 34 ราย ชนะคดีฟ้องร้องฐานบริษัททำผิดสัญญา และให้บริษัทอารียาฯชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ซื้อบ้านเป็นเงินรายละ 3 แสนบาท ส่วนการดำเนินโครงการยังกระทำต่อไปได้

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 เมื่อผู้ซื้อบ้านโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 48 ราย ได้ร่วมกันเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง บมจ.อารียาฯ ต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย หมายเลขคดีดำที่ ผบ.1612/2551 และหมายเลขคดีแพ่งที่ ผบ.1798/2553 โดยก่อนหน้านี้ บมจ.อารียาฯได้เปิดขายทาวน์โฮมในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา ราคาเฉลี่ย 5-7 ล้านบาท/ยูนิต บนที่ดิน 2 แปลงในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้แก่ 1.ที่ดินแปลงด้านหลังโฉนดที่ดินเลขที่ 138468 เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ใบอนุญาตจัดสรรเลขที่ 47/2549 จำนวน 96 ยูนิต และ 2.ที่ดินแปลงด้านหน้า โฉนดที่ดินเลขที่ 2557 เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเลขที่ 43/2549 จำนวน 33 ยูนิต ซึ่งที่ดินทั้ง 2 แปลงมีทางเข้า-ออกทางเดียวกัน



ต่อ มาภายหลังได้นำที่ดินแปลงด้านหน้ามาพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) สูง 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น รวม 3 อาคาร จำนวน 485 ยูนิต ภายใต้แบรนด์ "เอ สเปซ เพลย์" รัชดา-สุทธิสาร ทำให้ผู้ซื้อบ้านในโครงการอารียา แมนดารีนา ทาวน์โฮม รัชดา เห็นว่า บมจ.อารียา พร็อพเพอร์ตี้ ทำผิดสัญญา ประสบปัญหาความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม จากที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมหรูราคาขายหลายล้าน บาท มาเป็นอาคารชุดพักอาศัย


ผู้ซื้อบ้านให้เหตุผลว่า การปรับรูปแบบการพัฒนาจะมีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจร สิ่งแวดล้อม ขยะ และคุณภาพชีวิตตามมา ขณะที่บริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์การขายบ้านโดยระบุในโบรชัวร์ว่า โครงการดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยที่ดี มีความสะดวกสบาย อยู่ในชุมชนที่ไม่แออัด เพราะมีจำนวนบ้านบนที่ดินทั้ง 2 แปลงรวมกันเพียงแค่ 133 ยูนิตเท่านั้น

ทั้งนี้ผู้ซื้อบ้านโซนด้านหลังที่เปิดขายก่อน ไม่เคยได้รับแจ้งจาก บมจ.อารียาฯ มาก่อนเลยว่า จะนำที่ดินแปลงด้านหน้าไปพัฒนาเป็นคอนโดฯขาย เพิ่งมารู้ภายหลัง ขณะเดียวกันที่ดินแปลงด้านในตามใบอนุญาตจัดสรร เจ้าของโครงการระบุว่าทางเข้า-ออกอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่ช่วงที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก่อนเปิดขายกลับแจ้งกับผู้ซื้อว่า ทางเข้า-ออกเป็นทางร่วมติดกับที่ดินแปลงที่จะก่อสร้างทาวน์โฮมแล้วปรับ เปลี่ยนมาเป็นคอนโดฯ ผู้ซื้อจึงตัดสินใจซื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เดิมมีผู้ยื่นฟ้อง บมจ.อารียาฯ จำนวน 48 ราย แต่ภายหลังได้ขอถอนฟ้อง 3 ราย และศาลยกฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ 11 ราย ทำให้เหลือผู้ร่วมฟ้องเพียง 34 ราย โดยเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัทรายละ 400,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19,200,000 บาท

ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้โจทก์ทั้ง 34 รายชนะคดี ให้ บมจ.อารียาฯชดใช้ค่าเสียหายรายละ 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง คือวันที่ 19 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้บริษัทจ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ รายละ 5,000 บาท ส่วนของการก่อสร้างคอนโดฯ ศาลพิพากษาให้ดำเนินการได้ต่อไป แม้โจทก์จะขอให้มีคำสั่งให้หยุดก่อสร้าง

นายตรีชาติ อินทรคำ ทนายความซึ่งเป็นผู้ว่าความในคดีนี้ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ผู้บริโภคมีสิทธิ์ได้รับความเป็นธรรม และเป็นการปรามเจ้าของโครงการรายอื่น ๆ ไม่ให้โฆษณาขายโครงการเกินจริง เชื่อว่ายังมีผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าของโครงการ อีกมาก แต่ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร สำหรับคดีนี้หลังศาลมีคำพิพากษาให้ลูกค้าบ้านชนะคดีแล้ว ขณะนี้มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 50 ราย เตรียมที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อเจ้าของโครงการเช่นเดียวกัน

ด้าน นายวิศิษฏ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการผู้จัดการ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายของผู้อยู่อาศัยในโครง การทาวน์โฮมที่อยู่หลังคอนโดฯ เอ สเปซ ย่านสุทธิสาร ที่ไม่พอใจบริษัทจากที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาโครงการจากทาวน์โฮมมา เป็นคอนโดฯ ทั้ง ๆ ที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาถือเป็นสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายที่สามารถ ดำเนินการได้ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินแปลงเดียวกันกับที่มีผู้ร้องเรียน และได้ยื่นขอจัดสรรอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามล่าสุดมีผู้ร่วมฟ้องร้องบางรายสมัครใจถอนฟ้องแล้ว 14 ราย

"ตอน เปิดขาย บริษัทได้แจ้งให้กับผู้ซื้อแล้วว่าที่ดินแปลงด้านหน้าที่อยู่ติดกัน เราจะพัฒนาเป็นโครงการในอนาคต แต่ตอนหลังได้เปลี่ยนรูปแบบมาขึ้นคอนโดฯ ซึ่งสามารถทำได้เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอยู่แล้ว อีกทั้งใบอนุญาตจัดสรรก็เป็นคนละฉบับ"

นายวิศิษฏ์กล่าวด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นแม้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี แต่บริษัทคงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อไป เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด นอกจากนี้ในส่วนของการขายโครงการเอ สเปซ ยังคงเดินหน้าก่อสร้างและเปิดขายต่อไปตามปกติ โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60%

ที่มาhttp://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0103080753&sectionid=0201&day=2010-07-08


แก้ไขล่าสุดโดย sweety เมื่อ Tue Oct 12, 2010 11:47 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
sweety
เพื่อนบ้านคนสนิท
เพื่อนบ้านคนสนิท



จำนวนข้อความ : 30
Join date : 11/08/2010

อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ   อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Icon_minitimeTue Oct 12, 2010 11:39 pm

ไม่รู้เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ Question Question Question
ขึ้นไปข้างบน Go down
pdesign
เพื่อนบ้านทั่วไป
เพื่อนบ้านทั่วไป



จำนวนข้อความ : 18
Join date : 21/08/2010

อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ   อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Icon_minitimeThu Oct 14, 2010 4:02 pm

เข้ามาอ่านครับ
ขึ้นไปข้างบน Go down
Neo เฟส 1
เพื่อนบ้านทั่วไป
เพื่อนบ้านทั่วไป



จำนวนข้อความ : 14
Join date : 19/09/2010

อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ   อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Icon_minitimeThu Oct 14, 2010 10:06 pm

น่าสนใจมากครับ นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ในเรื่องของการร่วมมือกันของชุมชน เพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิตามที่สมควรจะได้รับ สามัคคึ คือ พลัง สู้ๆ
lol!
ขึ้นไปข้างบน Go down
nd
เพื่อนบ้านทั่วไป
เพื่อนบ้านทั่วไป



จำนวนข้อความ : 8
Join date : 11/10/2010

อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ   อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ Icon_minitimeSun Oct 17, 2010 7:03 pm

แต่โครงการเราเขาไม่มีสัญญาอะไรให้เราเลยนี่คะ โฆษณาก็ไม่มีที่จะนำมาเป็นหลักฐานได้ เป็นพูดปากเปล่าทุกรายการ
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
อยากให้ช่วยกันอ่านและออกความเห็นครับ
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
NEOPARK CLUB :: ปรึกษาหารือ :: ปรึกษาหารือ-
ไปที่: